สถานการณ์ที่ทำให้ มาดริด สั่นคลอนกับการป้องกันแชมป์ยุโรป
ย้อนกลับไปเมื่อช่วงกลางปี 2024 ที่ผ่านมา เรอัล มาดริด สร้างประวัติศาสตร์ที่โลกลูกหนังต้องจารึกเอาไว้กับสิ่งที่พวกเขาทำ และไม่อาจมีใครมาลบล้างง่ายๆ กับการคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2024 มาครองเป็นสมัยที่ 15 ซึ่งมากที่สุดในบรรดาสโมสรยุโรปที่เคยทำได้
ความสำเร็จดังกล่าวเกิดจากน้ำมือของกุนซืออย่าง คาร์โล อันเชล็อตติ ผู้เสกให้ มาดริด พุ่งชนความสำเร็จในลีกแดนกระทิงดุทั้งแชมป์ ลา ลีกา 2024 และถ้วยยุโรปใบใหญ่
ทว่าหลังฤดูกาลใหม่เริ่มต้นขึ้น เรอัล มาดริด กลับฟอร์มออกทะเลนับตั้งแต่แพ้ บาร์เซโลน่า 0-4 ชนิดที่เรียกว่าพ่ายแบบหมดรูป และยังไม่อาจขึ้นไปเป็นจ่าฝูงเกมลูกหนังของลีกสเปนได้เลยจนถึงตอนนี้ แต่ที่เสียหายหนักไปกว่านั้นคือฟอร์มการเล่นในถ้วย UCL ไม่มีใครคิดว่า ทีมระดับ มาดริด ที่พ่วงดีกรีเป็นแชมป์เก่า จะเพิ่งเก็บชัยชนะได้เพียง 2 เกม และแพ้ไปแล้วถึง 2 นัดจากทั้งหมด 4 เกมที่ลงสนามศึกลูกหนังยุโรป นั่นทำให้พวกเขามีเพียง 6 คะแนน รั้งอยู่อันดับที่ 18 ของตาราง
ในเกมยุโรปนัดล่าสุด พวกเขาพลาดท่าให้กับ เอซี มิลาน 1-3 ซึ่งความพ่ายแพ้ครั้งที่สองติดต่อกันรวมทุกรายการของ เรอัล มาดริด พวกเขาเสียไป 7 ประตูและทำได้เพียงประตูเดียว ก่อนที่จะกลับมาเอาชนะ โอซาซูน่า ด้วยสกอร์ 4-0
จากผลงานที่เกิดขึ้นทำให้มีคำถามมากมายถูกถามใส่ คาร์โล อันเชล็อตติ แน่นอนเขารู้ดีถึงสถานการณ์ของทีม และสิ่งที่ควรจะทำต่อไปเพื่อกลับสู่สถานการณ์ที่ควรจะเป็น แต่ตอนนี้พวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องพลิกผลงานชนิดหน้ามือเป็นหลังมือใน UCL เพื่อโอกาสเข้าสู่รอบต่อไป
แม้จะมีความมั่นใจจากเกมถล่ม โอซาซูน่า ในลีกเกมล่าสุด แต่ความท้าทายของ ราชันชุดขาว กำลังรออยู่ใน UCL เกมถัดไป เมื่อพวกเขาจะต้องเจอกับ ลิเวอร์พูล ในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2024 ซึ่ง หงส์แดง เป็นทีมที่เก็บชัยชนะ 100% ใน แชมเปี้ยนส์ลีก ซีซั่นนี้จนทำให้ครองอันดับ 1 ของตารางจากผลงานชนะรวด 4 เกม
ในช่วงเวลานี้ เรอัล มาดริด ต้องทนกับฝันร้ายในแง่ของอาการบาดเจ็บนับตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้ว ทีมเผชิญกับช่วงสำคัญของฤดูกาลโดยไม่มี มิลิเตา ที่เพิ่งบาดเจ็บ และเป็นที่แน่นอนแล้วว่า เขาจะพลาดลงเล่นทั้งฤดูกาลส่วน โรดรีโก้ และ ลูคัส บาซเกวซ ก็ยังไม่มีกำหนดคัมแบ็กคืนสนาม
ท่ามกลางวิกฤตอาการบาดเจ็บ คาร์โล อันเชล็อตติ จะต้องพบกับ ลิเวอร์พูล ในนัดที่ 5 ของรอบแบ่งกลุ่มแชมเปี้ยนส์ลีก การเผชิญหน้าครั้งนี้อาจถือเป็นปัจจัยชี้ขาดสำหรับพวกเขาว่า โอกาสเข้ารอบต่อไปจะเป็นอบ่างไร
หากเกมนั้น พวกเขาเผชิญความพ่ายแพ้ต่อลิเวอร์พูล ก็จะทำให้โอกาสในการจบ 8 อันดับแรกมีความซับซ้อนมากขึ้น ซึ่งจะทำให้พวกเขาต้องเล่นในรอบเพลย์ออฟเพิ่มเติมโดยมีผลกระทบทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง
หากสถานการณ์นั้นเกิดขึ้นจริง ทีมของ อันเชล็อตติ อาจต้องเผชิญหน้ากับสโมสรใหญ่อย่าง บาเยิร์น, อาร์เซนอล, ยูเวนตุส หรือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งต่างก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกัน ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งนี้จะเพิ่มความเมื่อยล้าทั้งทางร่างกายและจิตใจให้กับทีมที่มีร่างกายอ่อนแออยู่แล้ว เพิ่มความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บเนื่องจากการสะสมนาทีที่ลงเล่น
ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ การแข่งขันที่แอนฟิลด์จึงถือเป็นนัดชิงชนะเลิศของเรอัล มาดริด ที่หนักไปกว่านั้นคือปัจจุบันลิเวอร์พูลเป็นหนึ่งในทีมที่มีฟอร์มดีที่สุดในยุโรป ภายใต้การคุมทีมของ อาร์เน่ สล็อต หงส์แดง กำลังรั้งจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกโดยมีแต้มเหนือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 5 แต้ม และแพ้เพียงนัดเดียวเท่านั้น ส่วนในแชมเปี้ยนส์ลีก ความเหนือชั้นของพวกเขายิ่งใหญ่กว่านั้น เมื่อชนะทั้ง 4 นัดโดยเสียเพียงประตูเดียว
นับตั้งแต่เกมแพ้ บาร์ซ่า ทางด้านของ อันเชล็อตติ กำลังพยายามสร้างทีมของเขาให้เกิดความสมดุลย์ในระหว่างที่แข้งหลักทยอยบาดเจ็บหลายราย จนเริ่มเห็นผลในเกมกับ โอซาซูน่า ทว่าผลงานใน UCL แทบจะคนละเรื่อง
สิ่งที่เขาต้องเผชิญอยู่ในตอนนี้ หลักๆ แล้วคือปัญหาเรื่องของเกมรับที่ย่ำแย่ บวกกับต้องเสียแนวรับไปหลายราย ซึ่ง มาดริด มี รูดิเกอร์ เป็นกองหลังตัวกลางเพียงคนเดียวที่ฟิตพอสำหรับ อันเชล็อตติ สิ่งที่ทีมเตรียมแก้ไขคือการดึงผู้เล่นเกมรับคนใหม่เข้ามา แต่ก็ต้องรอจนกว่าตลาดรอบใหม่จะเปิด ซึ่ง โจนาธาน ทาห์ กำลังเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับการเสริมทีมในครั้งนี้
แต่ในเวลานี้ พวกเขาต้องแก้ไขปัญหาในระยะสั้น หากยังต้องการเข้ารอบต่อไป ตอนนี้เกมรับทางฝั่งขวา มีสองทางเลือกคือวาง เฟเดริโก้ บัลเบร์เด ไว้เป็นแบ็คขวา เพื่อให้ เมนดี้ เล่นทางด้านซ้ายตามธรรมชาติของเขา หรือเปลี่ยนนักเตะฝรั่งเศสไปทางขวาแล้วแนะนำ ฟราน การ์เซีย ลงเล่นอย่างไรก็ตาม แนวรับนี้ไม่ได้สร้างความมั่นใจมากนัก โดยเฉพาะเมื่อเจอกับเกมรุกอันทรงพลังของ ลิเวอร์พูล ซึ่งถือว่าน่าเกรงขามเมื่อออกสตาร์ทฤดูกาลนี้
แต่เมื่อไล่ดูจากผู้เล่นที่มีอยู่ สิ่งที่ อันเชล็อตติ ทำได้คือต้องสลับสับเปลี่ยนทรัพยากรเท่าที่มีให้ดีที่สุด แม้จะต้องจับผู้เล่นบางคนมารับบทที่ไม่ใช่ตำแหน่งตัวเอง แต่ก็ใช่ว่า พวกเขาจะกลับมาไม่ได้
คงเหมือนกับซีซั่นที่แล้วที่ บาสเกวซ ต้องเล่นแบ็คขวา แม้จะโดนวิจารณ์ ทว่าสุดท้ายเขาก็มีส่วนพา มาดริด สร้างประวัติศาสตร์ในตอนจบ… และสำหรับแฟนๆ ที่สนใจ ทีเด็ด SBOTOP และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2024 ทีเด็ดเดิมพัน รวมไปถึง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2024 ผลการแข่งขัน สามารถติดตามข่าวได้ที่นี่
●●●
เข้าชมบล็อคของเราเพื่อดูข้อมูลต่างๆ และค่าอ๊อดส์ที่หลากหลายของฟุตบอล
อัพเดทข่าวสารทุกอย่างเกี่ยวกับกีฬาและการเดิมพัน